วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

18 แบบห้องนอนลายการ์ตูนสวย

18 แบบห้องนอนลายการ์ตูนสวย

เพื่อนๆ ท่านใดกำลังมองหาแบบการแต่งห้องนอนน่ารักๆ วันนี้ไอโฮมร้อยแปดก็มีแบบห้องนอนสวยๆ น่ารักๆ มาฝากเพื่อนๆ
18 แบบห้องนอนลายการ์ตูนสวยๆ
บทความ : ihome108       Images source : skycreatedc
เพื่อนๆ ท่านใดกำลังมองหาแบบการแต่งห้องนอนน่ารักๆ วันนี้ไอโฮมร้อยแปดก็มีสวยๆ น่ารักๆ มาฝากเพื่อนๆ ยิ่งหากใครที่ชอบลายการ์ตูนฮิตอย่างโดราเอมอน หมีพูห์หรือฮีโร่ต่างๆ อยู่แล้วไม่ควรพลาดเลยสำหรับห้องนอนที่เราได้เอามาฝาก วันนี้ที่ได้นำตัวการ์ตูนเหล่านั้นมาปรับแต่งใช้ในการแต่งห้องนอนให้เป็นโทนเดียวกับตัวการ์ตูนนั้น จะสวยแค่ไหนไปชมกันเลยครับ
  
 
เป็นยังไงบ้างครับห้องนอนสวยถูกใจเพื่อนๆ บ้างไหม? แอดมินเดาว่าต้องมีถูกใจเพื่อนๆ บ้างล่ะ แต่หากเพื่อนๆ คนไหนไม่ชอบห้องนอนสไตล์นี้ก็สามารถไปชมแบบการตกแต่งห้องนอนสไตล์อื่นๆ ได้ที่ : แบบห้องนอน

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจพอเพียง

การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่กิจกรรมการปฏิบัติ
เศรษฐกิจพอเพียง

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาดุสิตาลัย ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
ความพอดีด้านสังคม
ความพอดีด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
ความพอดีด้านเทคโนโลยี
ความพอดีด้านเศรษฐกิจ
กระแสพระราชดำรัส
          "ทฤษฎีใหม่นี้มีไว้สำหรับป้องกัน หรือถ้าในโอกาสปกติ ทำให้ร่ำรวยขึ้น ถ้าในโอกาสที่มีอุทกภัยก็สามารถ ที่จะฟื้น ตัวได้ โดยไม่ต้องให้ทางราชการไปช่วยมากเกินไป ทำให้ประชาชนพึ่งตนเองได้อย่างดี"
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลาดุสิตาลัย ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
       "ขอให้ทุกคนมีความปราถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบและทำงานตั้งอธิษฐานตั้งปณิธาน ในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความ สงบ เปรียบเทียบ กับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ ฉะนั้น ถ้าท่าน ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความคิด และมีอิทธิพลมีพลังที่จะทำให้ผู้อื่น ซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวม ให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำพอควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้  ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ ตลอดกาล"
           ความพอประมาณ  หมายถึง  ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกิน   โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
         ความมีเหตุผล    หมายถึง  การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น  จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
         การมีภูมิคุ้มกันทีดีในตัว  หมายถึง  การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
เงื่อนไข
             การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ต้องอาศัย ทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน
           เงื่อนไขความรู้    ประกอบด้วย   ความรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง  ๆ   ที่ เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน  ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณา    ให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
           เงื่อนไขคุณธรรม  ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วยมีความตระหนัก ในคุณธรรม   มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน  มีความเพียร  ใช้สติ ปัญญาในการ ดำเนินชีวิต
             เศรษฐกิจพอเพียง   คือ พระราชปรัชญาซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย   เพื่อให้สังคมไทยมีชีวิตดำรงอยู่ได้ อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์  หรือ  การเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนพื้นฐานวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทยนำมาประยุกต์ใช้
             "ความพอเพียง"  หมายถึง ความพอประมาณอย่างมีเหตุผล โดยสร้างภูมิ คุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพื่อที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว กว้างขวาง  ทั้ง ทางด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี   โดย อาศัยความรอบรู้    รอบคอบ    และความระมัดระวังในการนำวิชาการต่าง ๆ     มาใช้ วางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน      ควบคู่ไปกับการสร้างพื้นฐานจิตใจของคนใน ชาติทุกระดับ ให้สำนึกในคุณธรรม  ความซื่อสัตย์สุจริต ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล
          โดยที่ความพอประมาณนั้น หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มาก เกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น  เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอ ประมาณ  ความมีเหตุผล  หมายถึง   การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของพอเพียงนั้น จะ ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล   โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดและผลที่จะ เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
               การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้นั้น ขั้นแรก ต้องยึดหลัก "พึ่งตนเอง"  คือ พยายามพึ่งตนเองให้ได้ก่อน ในแต่ละครอบครัวมีการบริหารจัดการอย่างพอดี ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย   สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนต้องรู้จักตนเอง  เช่น  ข้อมูล รายรับ-รายจ่าย ในครอบครัวของตนเอง     สามารถรักษาระดับการใช้จ่ายของตน ไม่ให้เป็นหนี้ และรู้จักดึงศักยภาพในตัวเองในเรื่องของปัจจัยสี่ให้ได้ในระดับหนึ่ง
               การพัฒนาตนเองให้สามารถ "อยู่ได้อย่างพอเพียง" คือ ดำเนินชีวิตโดยยึด หลักทางสายกลางให้อยู่ได้อย่างสมดุล    คือ  มีความสุขที่แท้  ไม่ให้รู้สึกขาดแคลน จนต้องเบียดเบียนตนเอง   หรือดำเนินชีวิตอย่างเกินพอดี   จนต้องเบียดเบียนผู้อื่น หรือเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม โดย
- ยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้
- ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพ
- ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต
- ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันในการค้าขาย ประกอบอาชีพ
      แบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง
- มุ่งเน้นหาข้าวหาปลา ก่อนมุ่งเน้นหาเงินหาทอง
- ทำมาหากินก่อนทำมาค้าขาย
- ภูมิปัญญาชาวบ้านและที่ดินทำกิน คือ ทุนทางสังคม
- ตั้งสติที่มั่นคง ร่างกายที่แข็งแรง ปัญญาที่เฉียบแหลม
      นำความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อปรับวิถีชีวิต
      สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
การใช้ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนั้น จะต้องมีความพอดี ๕ ประการคือ
ความพอดีด้านจิตใจ
- ต้องเข้มแข็ง สามารถพึงตนเองได้
- มีจิตสำนึกที่ดี
- เอื้ออาทร ประนีประนอม
- นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
- ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
- รู้รักสามัคคี
- สร้างความเข้มแข้งให้ครอบครัวและชุมชน
- รู้จักใช้และจัดการอย่างชาญฉลาดและรอบคอบ
- เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความยั่งยืนอย่างสูงสุด
- รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมสอดคล้องต่อความต้องการและสภาพแวดล้อม
- พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเองก่อน
- ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก
- เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอย่างพอควร
- พออยู่ พอกินสมควรตามอัตภาพ และฐานะของตน
             เมื่อมีการกล่าวถึง เศรษฐกิจพอเพียง ในฐานะแนวความคิดหรือปรัชญา ในการดำรงชีวิต"ทฤษฎีใหม่" ก็มักจะได้รับการกล่าวอ้างถึงควบคู่กันเสมอในฐานะตัวอย่างหรือแนวทางในการนำ หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติเพราะทฤษฎีใหม่ คือการเลี้ยงตัวเองได้ในระดับชีวิตที่ประหยัด มีการผลิตที่พึ่งตนเองได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลัง ให้พอมีพอกินไม่อดอยาก มีการผลิต ข้าวบริโภคพอเพียงประจำปี
             หลักการของเกษตรทฤษฎีใหม่ คือ การทำไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสาน  มีการ ปลูกพืชผักสวนครัว    การทำปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกและใช้วัสดุเหลือใช้มาเป็นปัจจัยการผลิตปุ๋ย เพื่อลดค่า ใช้จ่าย และบำรุงดิน    เช่น   การเพาะเห็ดฟางจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา   การปลูกไม้ผลสวนหลังบ้าน และไม้ใช้สอยในครัวเรือน การปลูกพืชสมุนไพร   ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามัย การเลี้ยงปลาในร่อง สวน ในนาข้าวและแหล่งน้ำ  เพื่อเป็นอาหารโปรตีนและรายได้เสริม การเลี้ยงไก่พื้นเมือง   และไก่ไข่ ประมาณ ๑๐-๑๕ ตัว ต่อครัวเรือน   เพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน   โดยใช้เศษอาหาร  รำ  และปลายข้าว จากผลผลิตการทำนา     ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการปลูกพืชไร่    และการทำก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ ที่เลี้ยงไว้ รวมทั้งการประกอบอาชีพเสริม เช่น การจักสาน ถัก ทอ แปรรูปอาหาร เป็นต้น
            การทำการเกษตรทฤษฎีใหม่นั้น กิจกรรมทุกอย่างจะพึ่ง กันและกัน เช่น
             การเลี้ยงปลาในนาข้าว  ผลผลิตจากข้าวเป็นอาหารปลา ในขณะที่ปลาจะกินแมลงศัตรูข้าว และมูลปลาเป็นปุ๋ยต้นข้าว
             การปลูกผักกับการเลี้ยงไก่ ไก่กินเศษพืชผัก มูลไก่เป็นปุ๋ย สำหรับผัก
            การใช้ทรัพยากรในไร่นา มูลสัตว์ทำเป็นปุ๋ยคอก เศษหญ้า ใบไม้ทำปุ๋ยหมัก เศษพืชผักเป็นอาหารปลา ฟางข้าว  ใช้เพาะเห็ด
                 การใช้แรงงานในครอบครัว  เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยเสริมรายได้ เช่น การแปรรูป และถนอมอาหาร     เช่น   พริกแห้ง  มะนาวดอง  กล้วยตาก  ไข่เค็ม  กระเทียมดอง  ผักดอง น้ำพริกเครื่องแกง การจักสาน หัตถกรรม สิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ เช่น ดอกไม้ ใบยาง เครื่องใช้ และเครื่องจักสานจากผักตบชวา ไม้ไผ่ กล้วย
            เมื่อคนในสังคมหรือชุมชน สร้างครอบครัวพอเพียงได้แล้ว สิ่งที่จะตามมา คือ การเกิดขึ้น ของชุมชนพอเพียง    ที่สมาชิกชุมชนนั้น   จะรวมกลุ่มกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมีการแบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังและความสามารถของตน        บริหารจัดการปัจจัยต่าง   ๆ   เช่น ทรัพยากรภูมิปัญญาท้องถิ่น   ให้สามารถนำไปใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและสมดุล   และเมื่อ หลาย ๆ  ชุมชนพอเพียงมารวมกลุ่มกันแลกเปลี่ยนความรู้   สืบทอดภูมิปัญญาและร่วมกันพัฒนา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะกลายเป็นสังคมแห่งความพอเพียงได้ในที่สุด
            การสร้างชุมชนและสังคมที่พอเพียงนั้น เกิดขึ้นได้จากกิจกรรมการผลิต  โดยเฉพาะในภาค การเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างคุ้มค่า ด้วยการหมุนเวียนทุน ธรรมชาติภายในพื้นที่และด้วยวิธี การทำเกษตรที่เน้นปลูกเพื่อกินเองก่อน และการทำกิจกรรมที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม    เช่น  การทำปุ๋ยชีวภาพ  การปลูกผักและข้าวที่ปลอดสารพิษ การทำสวนสมุน ไพรของชุมชน การคิดค้นสารไล่แมลงสมุนไพร   การทำถ่านชีวภาพ  การรวมกลุ่มขยายพันธุ์ปลา การแปรรูปผลผลิตและกรทำเกษตรผสมผสาน เป็นต้น   มีการรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ ร่วมมือกัน ทั้งในด้านปัจจัยและอุปกรณ์การผลิต การตลาด เงินทุน การศึกษา และชีวิตความเป็นอยู่
             มีการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากความรักและ เอื้ออาทรต่อกัน เช่น กิจกรรมต่อต้านยาเสพติด  การมนัสการพระ ให้ มาช่วยสอนจริยธรรมและศีลธรรมในโรงเรียนชุมชน   การรวมกลุ่ม เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน การจัดตั้งร้านค้าชุมชน  การจัดทำแผนแม่บทชุมชน การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ การรวมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การรวมกลุ่มทำขนมของแม่บ้าน หรือรวมกลุ่มเพื่อปลูกพืชผักสวนครัว        บนพื้นฐานของการปลูกฝัง สมาชิกในชุมชนให้มีความเอื้ออาทรต่อกัน มากกว่าคำนึงถึงตัวเงินหรือ วัตถุ มีความคิดที่จะแจกจ่ายแบ่งปันให้ผู้อื่น     ซึ่งจะทำให้ได้เพื่อนและ เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ดี   ที่จะช่วยลดความเห็นแก่ตัวและสร้างความพอ เพียงให้เกิดขึ้นในจิตใจ
              แม้ว่าระดับความพอเพียงของแต่ละคนจะไม่เท่าเทียมกันแต่ ทุกคนก็สามารถดำเนินชีวิตตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียงได้ด้วยการ ยึดมั่นในหลักการ ๓ ประการ เหมือนกัน คือ
              การใช้ชีวิตบนพื้นฐานของการรู้จักตนเอง รู้จักพัฒนาตนเอง ด้วยการพยายามทำจิตใจให้ผ่องใส รวมทั้งมีความเจริญและมีความเย็น ในจิตใจอยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
              การคิดพึ่งพาตนเองและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ     คือ  เมื่อปัญหาจากการดำเนินชีวิต ก็ให้ใช้สติปัญญา ไตร่ตรองหาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขไปตามเหตุและปัจจัย     ด้วย ความสามารถและศักยภาพที่ตนเองมีอยู่ ก่อนที่จะคิดพึ่งผู้อื่น และมี การปรึกษาหารือถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน
             การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้จักลดกิเลสและลดความต้องการ ของตนเองลง    เพื่อให้เหลือแรงและเวลาในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากขึ้น

ข้อมูลจาก : หนังสือเศรษฐกิจพอเพียง , องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี

Visual Basic 6.0 : Exercise 2 " Pizza Order"

Visual Basic 6.0 : Exercise 2 " Pizza Order"     


Pizza Order Application

 We had just learned about programming with Microsoft Visual Basic 6.0 and tried to create two Windows applications (using Visual Basic 6.0), the first one was "Stop Watch" and the second was "Calendar/Time". Some people have told me, the teacher, that it is interesting and challenging, while some other people have never said any word but have just thought that it is boring. Yes, the teacher realizes that programming is so valuable because it can develop anyone both systematic thinking and solvingWell, the teacher knows  that anybody can never hand on it if he is not interested in programming. But, now the teaching is not over, the show must go on!  
วกเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการโปรแกรมด้วยภาษาวิชวลเบสิก 6.0  และได้ลองพัฒนาแอ็ปปลิเคชันที่ทำงานในระบบวินโดวส์ 2 แอ็ป ด้วยกัน  โดยแอ็ปแรกเป็นนาฬิกาจับเวลา แอ็ปที่สองเป็นแอ็ปบอกวันเวลา  นักเรียนหลายคนก็บอกกับครูว่า "น่าสนใจและท้าทายมาก"  ขณะที่นักเรียนอีกหลายคนไม่พูดอะไรสักแอ่ะ...คิดอยู่อย่างเดียวว่า "มันน่าเบื่อ"   ใช่เลย..ครูตระหนักดีอยู่เสมอว่า ความจริงแล้วนะ.. การเรียนรู้เรื่องการโปรแกรมมันมีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว  เพราะมันเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักการคิด/การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ครู..ทราบดีว่า.. นักเรียนคนไหนก็ตามที่รู้สึกว่าตนเองไม่สนใจในเรื่องของการโปรแกรมแล้วละก็ คงยากนะที่จะเอาดีในเรื่องนี้ได้ ... แต่ช้าก่อน... การเรียนการสอนก็คงหยุดไม่ได้ ... ก็ต้องว่ากันต่อไป..





  "Pizza Order" Application
แอ็ปปลิเคชัน "สั่งพิซซ่า"

     SOURCE  :   www.kidwares.com



1. Start a new project.  We'll build a form where a pizza order can be entered by simply clicking on check boxes and option buttons.
ให้นักเรียนเข้าไปที่หน้าจอหลักของ Microsoft Visual Basic 6.0 เหมือนที่เราเคยทำ ด้วยการเลือก Standard EXE เพื่อสร้าง New project .... อย่าลืม Save นะ  ซึ่งการ Save ครั้งแรก จะเป็น Save As โดยนักเรียนต้อง Save ฟอร์มก่อน แล้วจึง save โปรเจ็กต์ ... เลือก Folder ให้เรียบร้อย  (เรื่องนี้ นักเรียนถูกย้ำมาจนเป็นทักษะดีอยู่แล้วจากครูผู้สอน)  ตอนนี้เรากำลังจะสร้างแอ็ปสั่งพิซซ่า  โดยผู้ใช้ก็แค่ทำการคลิกเลือกตัวเลือก และติ๊กรายการต่างๆ แล้วสั่งการผ่านปุ่มคำสั่ง..

2. Draw three frames.  In the first, draw three option buttons, in the second, draw two option buttons, and in the third, draw six check boxes.  Draw two option buttons on the form.  Add two command buttons.  Make things look something like this.
ให้นักเรียนวาดเฟรม (frame) 3 เฟรม  แล้ววาดปุ่มอ็อปชัน (option button) ใส่ไว้ในเฟรมแรก 3 ปุ่ม  ส่วนเฟรมที่สองวาดปุ่มอ็อปชันใส่ไว้ 2 ปุ่ม  ส่วนเฟรมที่สามวาด check box ใส่ไว้ 6 ช่อง ด้วยกัน  แล้ววาดปุ่มอ็อปชันอีกสองปุ่มใส่ไว้ในฟอร์ม (ดูโซน 4 ประกอบ)  และวาด command button (ปุ่มคำสั่ง) สองปุ่ม (ไว้ในโซน 5) 

Fig.1  The Form which is being designed by us.
นี่เป็นฟอร์มที่กำลังได้รับการออกแบบจากนักเรียน



3. Set the properties of the form and each control.
หลังจากออกแบบเสร็จแล้ว ต่อไปนักเรียนต้อง set the properties (ตั้งค่าคุณสมบัติ) ของฟอร์ม และคอนโทรล (control )แต่ละตัว  ดังนี้

 



  • Form1:
    BorderStyle    1-Fixed Single
    Caption          Pizza Order
    Name            frmPizza
  • Frame1:
    Caption    Size

  • Frame2:
    Caption    Crust Type

  • Frame3
    Caption    Toppings



  • Option1:
    Caption    Small
    Name      optSize
    Value      True

  • Option2:
    Caption    Medium
    Name      optSize (yes, create a control array)

  • Option3:
    Caption    Large
    Name      optSize

  • Option4:
    Caption    Thin Crust
    Name       optCrust
    Value       True

  • Option5:
    Caption    Thick Crust
    Name       optCrust (yes, create a control array)

  • Option6:
    Caption    Eat In
    Name    optWhere
    Value    True

  • Option7:
    Caption    Take Out
    Name       optWhere (yes, create a control array)

  • Check1:
    Caption    Extra Cheese
    Name      chkTop

  • Check2:
    Caption    Mushrooms
    Name       chkTop (yes, create a control array)

  • Check3:
    Caption    Black Olives
    Name       chkTop



  • Check4:
    Caption    Onions
    Name      chkTop

  • Check5:
    Caption    Green Peppers
    Name      chkTop

  • Check6:
    Caption    Tomatoes
    Name      chkTop

  • Command1:
    Caption    &Build Pizza
    Name      cmdBuild

  • Command2:
    Caption    E&xit
    Name      cmdExit





4. Declare the following variables in the general declarations area:
ให้นักเรียนเลือก View/Code   แล้วพิมพ์ Source codes ในส่วนของ  general declarations (ส่วนประกาศทั่วไป)     เพื่อประกาศตัวแปร (to declare the variables) 3 ตัว เป็นตัวแปรชนิด String (เก็บข้อมูลที่เป็นข้อความ)  ได้แก่  PizzaSize (เก็บข้อมูลขนาดของพิซซ่าที่ลูกค้าสั่ง),  PizzaCrust (เก็บข้อมูลว่า ลูกค้าสั่งพิซซ่าที่มีขอบบางหรือหนา),   PizzaWhere (เก็บข้อมูลว่า พิซซ่าที่ลูกค้าสั่งนั้น จะกินที่ร้าน หรือแพ็กห่อ)

    Option Explicit
      Dim PizzaSize As String
      Dim PizzaCrust As String
      Dim PizzaWhere As String



5. Attach this code to the Form_Load procedure.  This initializes the pizza size, crust, and eating location.
ให้นักเรียนผูกโค้ด (attach code) เข้ากับฟอร์ม  (โดยการทำดับเบิลคลิกที่ฟอร์ม  ก็จะเข้าสู่โมดูล หรือโพรซิเยอร์ (procedure) ที่ชื่อ Form_Load แล้วนักเรียนก็ใส่โค้ดเข้าไป  บรรดาโค้ดตรงนี้ จะเป็นการกำหนดค่าเริ่มต้น (initialization) ให้กับตัวแปรทั้งสามตัว ที่เราประกาศไว้ คือ PizzaSize, PizzaCrust และ PizzaWhere

Private Sub Form_Load()
  PizzaSize = "Small"
  PizzaCrust = "Thin Crust"
  PizzaWhere = "Eat In"
End Sub




6.  Attach this code to the three option button array Click events.  Note the use of the Index variable:
ให้นักเรียน attach code เข้ากับปุ่มอ็อปชันในแต่ละเฟรม (โดยดับเบิลคลิกที่ปุ่มอ็อปชันใดๆ ในเฟรมนั้น แล้วใส่โค้ด) 


Private Sub optSize_Click(Index As Integer)
[ดับเบิลคลิกที่ปุ่ม optSize (ใดก็ได้ในสามปุ่ม ของโซน 1) แล้วใส่โค้ดข้างล่างนี้เข้าไป ]
  PizzaSize = optSize(Index).Caption
  (โค้ดนี้ จะให้อ่านค่า จำนวนเต็ม 0, 1 หรือ 2 ซึ่งแทนขนาดเล็ก กลาง ใหญ่  ของขนาดถาดพิซซ่า เอาค่าไปเก็บไว้ในตัวแปร PizzaSize)
End Sub

Private Sub optCrust_Click(Index As Integer)
[ดับเบิลคลิกที่ปุ่ม optCrust (ใดก็ได้ในสองปุ่ม ของโซน 2) แล้วใส่โค้ดข้างล่างนี้เข้าไป ]  
  PizzaCrust = optCrust(Index).Caption
  (โค้ดนี้ จะให้อ่านค่า จำนวนเต็ม 0 หรือ 1 ซึ่งแทนขอบพิซซ่า อย่างบาง หรืออย่างหนา  เอาค่าไปเก็บไว้ในตัวแปร PizzaCrust)
End Sub

Private Sub optWhere_Click(Index As Integer)
[ดับเบิลคลิกที่ปุ่ม optWhere (ใดก็ได้ในสองปุ่ม ของโซน 4) แล้วใส่โค้ดข้างล่างนี้เข้าไป ] 
   PizzaWhere = optWhere(Index).Caption
    (โค้ดนี้ จะให้อ่านค่า จำนวนเต็ม 0 หรือ 1 ซึ่งแทนว่าจะกินพิซซ่าที่ไหน กินที่ร้าน หรือนำกลับบ้าน  เอาค่าไปเก็บไว้ในตัวแปร PizzaWhere)
End Sub



7. Attach this code to the cmdBuild_Click event.
ให้นักเรียน attach code ต่อไปนี้  เข้าไปที่ปุ่มคำสั่ง cmdBuild

Private Sub cmdBuild_Click()
  Dim Message As String
  Dim I As Integer
  Message = PizzaWhere + vbCr
  Message = Message + PizzaSize + " Pizza" + vbCr
  Message = Message + PizzaCrust + vbCr
        For I = 0 To 5
  If chkTop(I).Value = vbChecked Then Message = Message + chkTop(I).Caption + vbCr
      Next I
      MsgBox Message, vbOKOnly, "Your Pizza"
End Sub


This code forms the first part of a message for a message box by integrating the pizza size, crust type, and eating location (vbCr is a symbolic constant representing a ‘carriage return’ that puts each piece of ordering information on a separate line).  Next, the code cycles through the six topping check boxes and adds any checked information to the message.  The code then displays the pizza order in a message box.
โค้ดในส่วนนี้ จะทำการสร้าง message ในลักษณะของ message box  ที่จะบูรณาการเอา ขนาดของพิซซ่า  ขอบหนาหรือบาง และจะกินที่ร้านหรือแพ็กกล่อง (vbCr คือ symbolic constant หรือค่าคงที่ ในภาษาวิชวลเบสิกที่หมายถึงการสั่งให้ขึ้นบรรทัดใหม่ หรือ carriage return ก็คือ "การปัดแคร่" ซึ่งขอยืมศัพท์ของพิมพ์ดีดมาอีกทีนั่นเอง)



8.  Attach this code to the cmdExit_Click event.
ผูกคำสั่ง End เข้ากับปุ่มคำสั่ง cmdExit

Private Sub cmdExit_Click()
  End
End Sub




9.  Run the application, the message box will be appeared.
เมื่อรันโปรแกรม ก็จะได้ application ที่มี user interface แบบนี้


The Application User Interface  นี่คือหน้าตาของแอ็ปปลิเคชันของเรา



Message Box  เม็ซเสซบ็อกซ์ที่ได้

Visual Basic 6.0 : Exercise แบบฝึกหัด วิชวลเบสิก 6.0

Visual Basic 6.0 : Exercise

แบบฝึกหัด วิชวลเบสิก 6.0                                                                                                                    
1.  (What is Visual Basic?)     
2.  (VB-programming :  Exercise 1. Calendar/Time) 
3.  (VB-programming :  Exercise 2. Pizza Order) 


Exercise 1

Calendar/Time Display

   SOURCE  :   www.kidwares.com

1 Design a window application that displays the current month, day, and year.  Also, display the current time, updating it every second (look into the Timer control).  Make the window look something like a calendar page.  Play with object properties to make it pretty.

ให้นักเรียนออกแบบหน้าต่างแอ็ปปลิเคชัน ที่แสดงเดือนปัจจุบัน วันที่ และปี  และยังแสดงเวลา ณ ปัจจุบัน ที่จะอัปเดตทุกวินาทีอีกด้วย (เหมือนกับนาฬิกาจับเวลา)  หน้าต่างแอ็ปปลิเคชันนี้จะคล้ายเหมือนใบปฏิทิน  และให้นักเรียนตกแต่งอ็อบเจ็กต์ต่างๆ ให้ดูดี





2 Configure the properties of the related objects like the followings.
 ทำการตั้งค่าต่างๆ ให้กับอ็อบเจ็กต์ที่เกี่ยวข้อง เหมือนค่าที่กำหนดมาให้ตามนี้

Configuration 1





Configuration2



Configuration3



3  Attach the source codes to the objects. There is only the Timer "timDisplay" object that we have to attach our source codes to.  Although there is no any variable declared, but we have to type the code "Option Explicit" at the General Declarations module.
 ทำการผูกซอร์สโค้ด (รหัสโปรแกรม) เข้ากับอ็อบเจ็กต์  สำหรับงานนี้จะมีเพียงอ็อบเจ็กต์ไทเมอร์ ที่ชื่อ timDisplay เท่านั้น ที่เราจะต้องใส่โค้ดผูกไว้

Source codes that we have to type.


This is the "Sample Special" output of our project ,
(according to our "date/time" format of our machine configuration)
ตัวอย่าง ผลการรันโปรแกรม
(การแสดงผล ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า รูปแบบ "วัน/เวลา" ของเครื่องคอมพ์ที่นักเรียนใช้งานอยู่)